ในป่ากว้างใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยความสง่างามของสิงโตผู้เป็นราชาแห่งป่า สัตว์ทุกตัวต่างเคยหวาดเกรงในพละกำลังและความดุดันของมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิงโตผู้แข็งแกร่งได้หายไปจากผืนป่า เหลือเพียงหนังที่ทิ้งร่องรอยของความยิ่งใหญ่ไว้
วันหนึ่ง สุนัขกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาและได้พบกับหนังสิงโตนั้น พวกมันเห็นโอกาสที่จะได้ “เอาชนะ” บางอย่างที่เคยยิ่งใหญ่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของบทเรียนที่สอนให้เห็นถึงความกล้าหาญและความเคารพที่แท้จริง… กับนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และความเงียบสงบ สัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกัน มีทั้งที่รักสงบและผู้ที่อยู่ด้วยความเกรงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ทั้งหลายต่างเคยเกรงกลัวสิงโตผู้เคยเป็นราชาแห่งป่า ที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงอำนาจ ไม่มีสัตว์ใดกล้าท้าทายหรือเข้าใกล้สิงโตตัวนั้น
วันหนึ่ง สุนัขกลุ่มหนึ่งออกเดินเล่นในป่า พวกมันเป็นสุนัขเลี้ยงที่เจ้าของฟาร์มปล่อยให้เดินเล่นได้ตามใจ จนเมื่อมาถึงป่าลึกเข้าไปเรื่อย ๆ พวกมันก็สะดุดตาเข้ากับหนังของสิงโตตัวหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้ หนังนั้นมีขนาดใหญ่และดูน่าเกรงขาม แม้ว่าสิงโตตัวนั้นจะไม่มีชีวิตอีกต่อไป แต่เพียงแค่เห็นหนังของมันก็ทำให้พวกสุนัขรู้สึกหวั่นเกรงเล็กน้อย
“ดูนี่สิ! เป็นหนังของสิงโตนี่นา” สุนัขตัวหนึ่งพูดด้วยเสียงอ่อนเบา “ข้าไม่เคยเห็นสิงโตใกล้ ๆ ขนาดนี้เลย ข้าอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่คงน่ากลัวมาก”
แต่เมื่อพวกสุนัขเห็นว่าไม่มีใครดูแลหนังสิงโตและไม่มีสิงโตตัวอื่นอยู่ใกล้ ๆ พวกมันก็เริ่มรู้สึกกล้าขึ้น สุนัขตัวหนึ่งก้าวเข้าไปใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หึ ตอนนี้มันก็แค่หนังไร้ชีวิต ดูไม่มีพลังอะไรเลย”
สุนัขตัวอื่น ๆ เริ่มยิ้มเยาะและเข้าร่วม “ใช่แล้ว มันเคยเป็นเจ้าแห่งป่า แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ผิวหนังที่ไร้ค่า เห็นแล้วข้าอดหัวเราะไม่ได้!”
จากนั้น พวกสุนัขก็เริ่มกัดหนังสิงโตตัวนั้นด้วยความสนุกสนาน สุนัขบางตัวกัดหนังสิงโตแล้วเห่าเสียงดังราวกับจะประกาศชัยชนะ ส่วนตัวอื่นก็เริ่มกัดหนังออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงหัวเราะและเสียงเห่าดังไปทั่วป่า สุนัขทุกตัวต่างรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำลายสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความยิ่งใหญ่
ขณะนั้นเอง สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งซึ่งเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันมองสุนัขกลุ่มนั้นด้วยสายตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นแต่แฝงความเหยียดหยาม
“พวกเจ้านี่ช่างกล้าหาญจริงนะ!” สุนัขจิ้งจอกพูดขึ้นเสียงดัง “แต่ข้าขอถามหน่อย ถ้าสิงโตตัวนี้ยังมีชีวิตและยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้า พวกเจ้าจะกล้าเข้าไปใกล้หรือ?”
สุนัขทั้งหมดชะงัก หยุดกัดและหันมองสุนัขจิ้งจอกด้วยความสงสัย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สุนัขตัวหนึ่งถามอย่างหงุดหงิด
“หากสิงโตตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่และอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า” สุนัขจิ้งจอกกล่าวต่อ “พวกเจ้าคงไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตามันด้วยซ้ำ กรงเล็บของมันแข็งแกร่งกว่าฟันของพวกเจ้าทุกตัวเสียอีก”
สุนัขอีกตัวแย้งขึ้น “แต่ตอนนี้มันตายแล้ว เราไม่ได้ทำผิดอะไร มันก็แค่หนังที่ไร้ค่า”
สุนัขจิ้งจอกยิ้มเยาะ “พวกเจ้าช่างไม่รู้ตัวเลย ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าพวกเจ้าคงกล้าทำลายและเหยียบย่ำแต่ผู้ที่ไม่มีพลังต่อกรหรือไร้ชีวิตแล้วเท่านั้น การเหยียบย่ำผู้ที่เคยยิ่งใหญ่ในตอนที่เขาไม่มีทางสู้ มันไม่ได้ทำให้พวกเจ้าดูยิ่งใหญ่ขึ้นเลย มีแต่จะทำให้พวกเจ้าดูไร้ความกล้าหาญที่แท้จริงเท่านั้น”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น สุนัขทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกละอายใจ สุนัขบางตัวลดสายตาลงและหางลู่ด้วยความอับอาย พวกมันเริ่มตระหนักว่าการทำร้ายหนังของสิงโตที่ไร้ชีวิตนั้นไม่ได้ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้น แต่กลับเผยให้เห็นถึงความขลาดเขลาและความอ่อนแอที่แท้จริงของตนเอง
ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีสุนัขตัวใดกล้าที่จะกัดหรือเหยียบหนังของสิงโตอีก พวกมันต่างเดินออกไปจากที่นั้นเงียบ ๆ พร้อมกับบทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้ในวันนี้
นิทานเรื่อนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางคนกล้าทำร้าย วิจารณ์ หรือเหยียบย่ำผู้ที่เคยมีอำนาจหรือเคยได้รับความเคารพในยามที่พวกเขาตกต่ำ แต่เมื่อบุคคลเหล่านั้นยังคงแข็งแกร่งและทรงอำนาจ คนเหล่านั้นกลับไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้า การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญที่แท้จริง แต่กลับแสดงถึงความอ่อนแอและขาดความเคารพในตนเอง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต (อังกฤษ: The Dogs and the Lion’s Skin) เป็นนิทานอีสปเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 406 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) อย่างไรก็ตาม นิทานเรื่องนี้พบเฉพาะในต้นฉบับภาษากรีกยุคกลางที่อ้างว่าเป็นการแปลจากภาษาซีเรียก (Syntipas, Fable 19) นิทานเรื่องนี้เล่าว่าเมื่อสุนัขพบหนังสิงโต พวกมันก็เริ่มกัดหนังสิงโตให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สุนัขจิ้งจอกที่เดินผ่านมาเห็นก็พูดว่า “ถ้าสิงโตตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็จะรู้ในไม่ช้าว่ากรงเล็บของมันแข็งแรงกว่าฟันของเจ้า”
นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนบางคนมักจ้องโจมตีผู้มีชื่อเสียงเมื่อเขาสูญเสียอำนาจและเกียรติยศของตนไป