ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีชายผู้ชำนาญในการจับนก ใช้คำพูดหลอกลวงเพื่อดึงดูดนกเข้ามาติดกับดัก หนึ่งในนกที่หลงเชื่อคือ นกแบล็กเบิร์ด ซึ่งถูกหลอกให้เชื่อคำสัญญาว่าจะได้สิ่งดี ๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นการถูกจับอย่างง่ายดาย โดยไม่ทันระวังผลลัพธ์ที่ตามมา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ถึงบทเรียนแห่งการรู้เท่าทันและความระมัดระวังในการตัดสินใจ ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มาจากผู้ที่มีเจตนาซ่อนเร้น เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ในนิทานอีสปเรื่องคนจับนกกับนกแบล็กเบิร์ด
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องคนจับนกกับนกแบล็กเบิร์ด
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตด้วยการจับนกในป่า เขาออกมาทุกวันพร้อมกับตาข่ายและกับดัก ตั้งใจจะล่อนกให้มาติดกับ เพื่อจะได้นำไปขายและหาเงินเลี้ยงชีพ
ในวันหนึ่ง ขณะที่ชายคนนั้นกำลังขึงตาข่ายบนพื้นหญ้า นกแบล็กเบิร์ดตัวหนึ่งบินผ่านมาและเห็นตาข่ายที่กำลังถักทออย่างประณีต มันสงสัยว่าชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ จึงบินลงมาใกล้ ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ท่านกำลังสร้างอะไรอยู่หรือ?” นกแบล็กเบิร์ดถามด้วยน้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็น
ชายจับนกหันมามองนกแบล็กเบิร์ด แล้วยิ้มออกมา เขาคิดหาคำตอบที่ดึงดูดใจ
“โอ้ ข้ากำลังสร้างเมืองที่สวยงาม” เขาตอบพร้อมยิ้มเล็ก ๆ
“เมืองที่สวยงาม?” นกแบล็กเบิร์ดเอียงหัวด้วยความสนใจ “เมืองนั้นเป็นยังไงหรือ?”
ชายจับนกพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ในเมืองนี้เต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์ใจ มีอาหารอุดมสมบูรณ์และที่พักพิงที่อบอุ่น เจ้าจะได้พบกับความสุขสบายที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
ดวงตาของนกแบล็กเบิร์ดเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น มันคิดว่าที่นี่อาจจะเป็นดินแดนในฝันที่มันตามหามานาน
“จริงหรือ? แล้วข้าสามารถเข้าไปในเมืองนั้นได้ไหม?” นกแบล็กเบิร์ดถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
ชายจับนกยิ้มกว้าง “แน่นอน! เจ้าสามารถเข้าไปได้ เดินเข้าไปในตาข่ายนี้สิ แล้วเจ้าจะได้พบกับเมืองที่ข้าพูดถึง”
นกแบล็กเบิร์ดไม่ลังเล มันค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในตาข่าย ด้วยความเชื่อใจในคำพูดของชายจับนก ทันใดนั้นเอง เมื่อมันก้าวเข้าถึงกลางตาข่าย ตาข่ายก็รัดตัวมันไว้ มันพยายามดิ้นรนแต่ไม่สามารถหลุดออกได้
“โอ้ ไม่นะ! นี่มันไม่ใช่เมืองที่สวยงามเลย” นกแบล็กเบิร์ดร้องออกมา
ชายจับนกหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าช่างเชื่ออะไรง่ายดายเกินไป เจ้าเชื่อเพียงเพราะข้าพูดสวยหรู นี่ไม่ใช่เมืองในฝัน แต่เป็นกับดักที่เจ้าติดอยู่แล้ว”
นกแบล็กเบิร์ดรู้สึกเศร้าและเสียใจ มันเข้าใจแล้วว่าตนเองถูกหลอก เพราะความเชื่อง่ายและหลงเชื่อคำพูดที่ฟังดูดีเกินจริง มันจึงกล่าวกับชายจับนกว่า “ถ้านี่คือเมืองที่เจ้าสร้างขึ้น คงไม่มีผู้อยู่อาศัยมากนักหรอก!”
จากนั้นเป็นต้นมา นกตัวอื่น ๆ ในป่าต่างได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของนกแบล็กเบิร์ด และระมัดระวังมากขึ้น ไม่ยอมเชื่อคำพูดที่ดูดีเกินจริงอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่ดูดีเกินจริงหรือสิ่งที่ดูน่าดึงดูดโดยไม่ไตร่ตรอง มิฉะนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของกลอุบาย บางครั้งสิ่งที่สวยงามอาจเป็นเพียงภาพลวงตาหรือการหลอกลวงเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น การตัดสินใจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบจะช่วยป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อของคำพูดที่หว่านล้อม และช่วยให้เราไม่ต้องเสียใจภายหลัง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องคนจับนกกับนกแบล็กเบิร์ด (อังกฤษ: The Bird-catcher and the Blackbird) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 193 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) เนื้อเรื่องเล่าถึงคนจับนกผู้หนึ่งที่ขึงตาข่ายไว้ในป่าเพื่อดักจับนก ในแหล่งข้อมูลของกรีก มีนกที่ชื่อว่านกกระจอก แต่ฉบับภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษมักตั้งชื่อนกที่มีชื่อว่าแบล็กเบิร์ดว่าเป็นนกที่ปรากฏในเรื่องนี้ โดยเรื่องราวดั้งเดิมที่สุดมีเนื้อเรื่องดังนี้
ชายจับนกคนหนึ่งวางกับดักเพื่อจับนกนกลารค์ตัวหนึ่งเห็นเข้าจึงถามชายคนนั้นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ชายจับนกตอบว่า “ข้ากำลังก่อตั้งเมือง” แล้วเดินออกไปห่างจากกับดัก นกลารค์หลงเชื่อคำพูดของชายคนนั้น จึงบินเข้าไปหาและกินเหยื่อล่อ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าถูกดักไว้แล้ว เมื่อชายจับนกวิ่งเข้ามาจับมันไว้ได้ นกลารค์จึงกล่าวว่า “ถ้านี่คือเมืองที่เจ้าสร้างขึ้น คงไม่มีผู้อยู่อาศัยมากนักหรอก!”
นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า บ้านเรือนและเมืองต่าง ๆ มักถูกทอดทิ้งมากที่สุดเมื่อมีผู้ปกครองที่โหดร้ายครองอำนาจ