นิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต

ปกนิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต

ในป่ากว้างใหญ่ มีลาตัวหนึ่งที่พบหนังสิงโตเก่า ๆ และตัดสินใจนำมาสวมเพื่อหลอกลวงสัตว์อื่นให้ตกใจกลัว ด้วยความคิดว่าจะทำให้มันดูมีอำนาจและน่าเกรงขาม เมื่อมันเดินผ่านสัตว์ตัวอื่น ทุกคนต่างพากันหลีกหนีด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อมันถอดหนังสิงโตออก กลับพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการแสร้งทำเป็นสิ่งที่ตนไม่ใช่ ไม่เพียงแค่หลอกลวงผู้อื่น แต่ยังทำให้เราเสียตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เรื่องราวจะเป็นเช่นไร กับนิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงนกร้องและลมพัดใบไม้ไหว ลาตัวหนึ่งพบหนังสิงโตที่เก่าคร่ำคร่าถูกทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ มันยิ้มแสยะ

“ถ้าข้าใส่นี่ ทุกตัวในป่าคงกลัวข้าจนหนีกระเจิงแน่!” ลาคิดก่อนจะค่อย ๆ สวมหนังสิงโตครอบตัว แล้วเดินออกมาในท่าทางสง่างามที่สุดที่มันทำได้

ลาย่างเท้าไปในป่าด้วยความตื่นเต้น ทุกครั้งที่มันโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ สัตว์เล็กใหญ่วิ่งหนีด้วยความตระหนก

“เฮ้! เจ้ากวาง กลับมานี่! ข้าแค่ล้อเล่นน่ะ!” ลาร้องตามหลังด้วยเสียงสิงโต สัตว์ทั้งหลายไม่กล้าหันกลับมามอง มันยิ่งรู้สึกฮึกเหิม “ข้าเป็นสิงโตแห่งป่านี้จริง ๆ!”

ลามุ่งหน้าไปยังบึงน้ำที่สัตว์หลายตัวมารวมตัวกัน มันเห็นกระต่ายและนกยูงที่แหวกกลุ่มหนีอย่างรวดเร็ว ลาหัวเราะเสียงดัง “ข้าเจ๋งที่สุด! ข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในป่านี้!”

ทันใดนั้น ลาได้เจอลิงจอมฉลาดที่มองมาด้วยสายตารู้ทัน ลายืนขึ้นสูงและทำเสียงขู่ในท่าทางยิ่งใหญ่ที่สุดที่มันเคยทำ

“ฮึ่ม! เจ้าลิง เจ้าควรกลัวข้า!” ลาร้องออกมา ลิงกลับไม่ขยับหรือหลบหนี มันยิ้มและพูดขึ้น

“โอ้ ข้าอาจจะกลัวเจ้าจริง ๆ ถ้าไม่ได้ยินเสียงร้องแปลก ๆ นั่น”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต 2

ลายืนตัวแข็ง เสียงร้องที่ลิงพูดถึงเป็นเสียง

“เอีย!” เสียงของมันเอง ความอับอายแล่นปราดในใจ ลามองดูฝูงสัตว์รอบ ๆ ที่เริ่มหัวเราะและพูดกันเจื้อยแจ้ว “ดูสิ นั่นไม่ใช่สิงโตหรอก มันก็แค่ลาที่คิดจะหลอกพวกเรา!”

ลารู้สึกอายจนอยากจะซ่อนตัว ลิงพูดขึ้นอีกว่า

“หนังสิงโตอาจปกปิดคนโง่ได้ แต่คำพูดจะทำให้เขากลายเป็นคนโง่ได้” ลารู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงด้วยคำพูด มันค่อย ๆ ถอยกลับไปและคิดทบทวนสิ่งที่ทำ

“ข้าควรเป็นตัวของตัวเองมากกว่าแสร้งเป็นสิ่งที่ข้าไม่ใช่”

ด้วยความอับอาย ลาค่อย ๆ ถอยกลับไปที่ซ่อนตัว มันรู้สึกถึงความโง่เขลาของตัวเอง

“ข้าหลงตัวเองเกินไป ข้าไม่ใช่สิงโตและไม่มีวันเป็นได้ สิ่งที่ข้าควรทำคือยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น” ลาเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ

จากวันนั้น ลากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มันไม่เคยพยายามแสร้งทำเป็นสิ่งที่ตนไม่ใช่อีก และเรียนรู้ว่าการเป็นตัวเองอย่างแท้จริงนั้นมีคุณค่ามากกว่าการแสร้งทำเพื่อให้คนอื่นกลัวหรือยกย่อง

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการแสร้งทำเป็นสิ่งที่เราไม่ใช่อาจทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อได้ชั่วคราว แต่สุดท้ายคำพูดและการกระทำจะเผยตัวตนที่แท้จริงของเราออกมา ในชีวิตจริง เราควรเป็นตัวเองและไม่พยายามสร้างภาพเพื่อให้ผู้อื่นชื่นชม เพราะความหลงตนและการยึดติดกับภาพลักษณ์ภายนอกอาจนำไปสู่ความอับอาย การรู้จักยอมรับและพัฒนาตัวเองในแบบที่เราเป็นจะช่วยให้เราได้รับความเคารพและความเชื่อถือจากคนรอบข้างอย่างแท้จริง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องลากับหนังสิงโต (อังกฤษ: The Ass in the Lion’s Skin) ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 358 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) และมีหลากหลายเวอร์ชันในภาษากรีกและละติน โดย Phaedrus และ Avianus ต่างบันทึกไว้ นิทานเล่าเรื่องลาที่สวมหนังสิงโตและทำให้สัตว์อื่น ๆ ตกใจ จนกระทั่งสัตว์ฉลาดได้ยินเสียงร้องของลาและเผยความจริง นิทานนี้สอนว่าการแสร้งทำและภาพลักษณ์ภายนอกไม่สามารถปกปิดความโง่เขลาได้ คติที่ว่า “เสื้อผ้าอาจปกปิดคนโง่ แต่คำพูดเผยตัวตนที่แท้จริง” ได้มาจากเรื่องนี้

นิทานเรื่องลา สอนให้เราไม่โลภในสิ่งที่เกินควร เครื่องประดับที่ไม่ใช่ของตนอาจนำภัยมาสู่เราได้

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com