นิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ)

ปกนิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ)

ในโลกนี้ มีผู้ให้และผู้รับอยู่เสมอ บางคนมอบสิ่งดี ๆ ให้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ขณะที่บางคนรับไปโดยไม่เคยคิดถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้รับ แต่เมื่อสิ่งที่ได้รับกลายเป็นความเคยชิน พวกเขาอาจลืมไปว่า ผู้ให้ก็มีความรู้สึก และการได้รับโดยไม่เห็นคุณค่า อาจกลายเป็นการทำร้ายโดยไม่รู้ตัว

ต้นไม้ต้นหนึ่งยืนหยัดอยู่ที่เดิม มอบร่มเงาและผลไม้อันอุดมสมบูรณ์แก่ผู้คนที่ผ่านไปมา มันไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทน แต่สิ่งที่มันได้รับกลับทำให้มันต้องตั้งคำถามว่าการให้โดยไม่หวังสิ่งใดเลย จะคุ้มค่าจริงหรือไม่? กับนิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ)

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ)

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ)

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องลงมายังถนนสายหนึ่งต้นวอลนัทต้นใหญ่ ยืนตระหง่านอยู่ริมทาง มันแผ่กิ่งก้านกว้างขวาง ให้ร่มเงาอันเย็นสบายแก่ผู้ที่เดินผ่านไปมา และออกผลวอลนัทมากมายเต็มกิ่ง เสียงใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลม คล้ายเสียงกระซิบที่ต้อนรับผู้มาเยือน

ตลอดฤดูกาล ผู้คนมักเดินมาที่นี่เพื่อพักผ่อนใต้ร่มเงาของมัน บางคนเอนกายพิงลำต้นอย่างผ่อนคลาย เด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ใต้เงาไม้ หัวเราะอย่างสดใส ขณะที่คนเดินทางหลายคนแวะมานั่งพัก สูดอากาศเย็นสบาย

แต่เมื่อถึงเวลาที่วอลนัทสุกเต็มที่ ผู้คนก็ไม่เพียงแค่มานั่งใต้ร่มเงาของมันอีกต่อไป

วันหนึ่ง ขณะที่ต้นวอลนัทยืนทอดกิ่งให้ร่มเงาเช่นเคย มันได้ยินเสียงพูดคุยกันของผู้คนที่เดินผ่าน

“ดูสิ ต้นวอลนัทปีนี้ออกผลดกเหลือเกิน!” ชายคนหนึ่งกล่าวขณะเงยหน้ามองผลไม้นับไม่ถ้วนที่แขวนอยู่เหนือศีรษะ

“ใช่แล้ว! หากเราสามารถเก็บผลพวกนี้มาได้ ก็คงดีไม่น้อย” หญิงชราคนหนึ่งเสริม

แต่แทนที่พวกเขาจะปีนขึ้นไปหรือรอให้ผลไม้ร่วงลงเอง พวกเขากลับเริ่มหยิบก้อนหินและท่อนไม้ขึ้นมา

“ข้าจะขว้างขึ้นไปให้ลูกวอลนัทร่วงลงมา!” ชายคนหนึ่งประกาศเสียงดัง ก่อนจะขว้างก้อนหินขึ้นไปกระแทกกิ่งไม้

“ปึก! ปึก!” เสียงหินกระแทกลำต้นและกิ่งดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนใช้ไม้ฟาด บางคนใช้รองเท้าเขวี้ยงขึ้นไป ทุกวิธีถูกใช้เพียงเพื่อให้พวกเขาได้ผลวอลนัทมากิน

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ) 2

ต้นวอลนัทรู้สึกเจ็บปวดเปลือกของมันถูกหินกระแทกเป็นรอย กิ่งบางกิ่งฉีกขาดจากแรงกระแทก ใบไม้ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับผลวอลนัทที่ผู้คนต่างรีบเก็บใส่ตะกร้า

“โอ๊ย… ทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้กับข้า?” ต้นวอลนัทพึมพำกับตัวเอง

แต่พวกเขายังคงทุบตีมันต่อไป ไม่มีใครสนใจเสียงคร่ำครวญของมันเลย

ในที่สุด ต้นวอลนัทก็อดกลั้นความเจ็บปวดไม่ไหว มันถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้นด้วยความเศร้า

“วิบัติแก่ข้า! ผู้คนเพลิดเพลินกับผลของข้า แต่กลับตอบแทนข้าด้วยความโหดร้ายเช่นนี้”

มันมองลงมายังฝูงชนที่กำลังก้มเก็บผลไม้อย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่าต้นไม้นั้นต้องเจ็บปวดเพียงใด

มันสั่นกิ่งเบาๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ผู้คนช่างไร้หัวใจนัก! พวกเขาได้รับประโยชน์จากข้า แต่กลับทำร้ายข้าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ”

เมื่อผู้คนเก็บวอลนัทจนพอใจ พวกเขาก็เดินจากไป ทิ้งต้นวอลนัทให้ยืนอยู่อย่างอ่อนล้า ลำต้นของมันเต็มไปด้วยรอยกระแทก บางกิ่งฉีกขาด ใบไม้ที่เคยเขียวขจีกลับร่วงหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

แต่แม้ว่ามันจะถูกทำร้ายเพียงใด ต้นวอลนัทก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมยังคงแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาแก่ผู้ที่เดินผ่าน ยังออกผลให้เก็บเกี่ยวในปีต่อไป เพราะมันรู้ดีว่า ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของมันได้

แม้จะได้รับแต่ความเจ็บปวด มันก็ยังคงเป็น “ต้นไม้ที่เป็นผู้ให้” อยู่เสมอ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ) 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

“บ่อยครั้ง ผู้ที่ให้คุณประโยชน์มากที่สุด มักได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายที่สุด”

ต้นวอลนัทมอบร่มเงาและผลไม้ให้กับผู้คนอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่แทนที่พวกเขาจะขอบคุณกลับทำร้ายมันเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

เช่นเดียวกับชีวิตจริงหลายครั้ง คนที่ใจดีและคอยช่วยเหลือผู้อื่น กลับถูกใช้ประโยชน์และได้รับการตอบแทนอย่างไม่ยุติธรรม บางคนเห็นคุณค่าของผู้อื่นเพียงแค่สิ่งที่พวกเขาได้รับจากคนเหล่านั้นเท่านั้น

“การให้คือสิ่งที่ดีงาม แต่ผู้ให้ต้องรู้จักปกป้องตัวเอง ไม่เช่นนั้น วันหนึ่งอาจเหลือเพียงความเจ็บปวดโดยไม่มีใครเห็นค่า”

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องต้นวอลนัท (ต้นมันฮ่อ) (The Walnut Tree) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 250 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) ต่อมานิทานเรื่องนี้ถูกนำไปเป็นรากฐานของสุภาษิตเชิงดูหมิ่นสตรี ซึ่งสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อทั้งต้นวอลนัท ลา และผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ต้นฉบับของนิทานนั้นมีเป้าหมายเพื่อประณามผู้ที่ไม่รู้คุณต่อสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่พวกเขา มากกว่าที่จะส่งเสริมแนวคิดดังกล่าว

โดยเนื้อหาต้นฉบับคือ ต้นวอลนัทที่อยู่ริมทาง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างขว้างก้อนหินและไม้ขึ้นไป เพื่อตีให้ลูกนัทร่วงลงมา ต้นไม้จึงคร่ำครวญว่า “ผู้คนเพลิดเพลินกับผลของข้า แต่กลับตอบแทนข้าด้วยความโหดร้าย”

“ผู้ไม่รู้คุณมักตอบแทนความเมตตาด้วยความโหดร้าย”

ต่อมาได้กลายเป็นหัวข้อของบทกวีในรูปแบบอีพิแกรมของ แอนทิพาเตอร์แห่งเธสซาโลนิกา (Antipater of Thessalonica) ซึ่งสะท้อนถึง ชะตากรรมอันน่าเศร้าของต้นไม้ที่ถูกทำร้ายเพราะความอุดมสมบูรณ์ของมันเอง

“พวกเขาปลูกข้าไว้ ริมทางเป็นต้นวอลนัท เพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้เด็ก ๆ ที่ผ่านไปมา พวกเขาขว้างหินมาอย่างแม่นยำ ให้เป็นเป้าเล่นสนุก กิ่งก้านและหน่ออ่อนของข้าล้วนถูกทำลาย เพราะข้าต้องทนรับสายฝนแห่งก้อนกรวด”

“เป็นต้นไม้ที่ออกผลก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป”

“ข้าให้ผลไม้แก่ผู้คน แต่สิ่งนั้นกลับเป็นหายนะของข้าเอง”

บทกวีนี้สะท้อนถึงแนวคิดว่า “ความอุดมสมบูรณ์อาจนำมาซึ่งภัยแก่ตนเอง” และเป็นคำอุปมาเกี่ยวกับ ความไม่รู้คุณของผู้ที่ได้รับประโยชน์จากผู้อื่นแต่กลับทำร้ายพวกเขา

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com