นิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา

ปกนิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา

ในโลกนี้ บางคนเกิดมาพร้อมกับความโดดเด่น สง่างาม เป็นที่ชื่นชมของผู้คนรอบข้าง ขณะที่บางคนอาจดูธรรมดา ไร้ซึ่งสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นที่สนใจ และเมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ความอิจฉาและความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเป็นก็มักจะเกิดขึ้น

บางคนพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนกับผู้ที่ได้รับการยอมรับ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา แต่การเสแสร้งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เป็น จะนำพามาซึ่งผลลัพธ์แบบใด? และมันจะทำให้เราได้รับการยอมรับจริงหรือไม่? กับนิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงนกร้องและแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านกิ่งไม้ฝูงนกยูง เดินอวดโฉมอยู่ในทุ่งหญ้า ขนของพวกมันแวววาวส่องประกายสีฟ้า เขียว และทองสะท้อนแสงอาทิตย์ ทุกย่างก้าวของพวกมันดูสง่างาม ราวกับราชวงศ์แห่งปักษา

บนกิ่งไม้สูง อีกาตัวหนึ่งเฝ้ามองพวกมันด้วยความอิจฉา ขนของมันดำสนิท ไม่มีสีสันสดใส ไม่มีลวดลายแวววาว และแน่นอน ไม่มีความสง่างามเช่นพวกนกยูง

“พวกมันดูสูงส่งเหลือเกิน” อีกาพึมพำกับตัวเอง “แต่ข้ากลับเป็นแค่อีกาสีดำธรรมดา ไม่มีใครชื่นชม ไม่มีใครสนใจ”

มันถอนหายใจ มองดูเงาสะท้อนของตัวเองในแอ่งน้ำเล็ก ๆ ใกล้ต้นไม้ “หากข้าเกิดมาพร้อมขนที่งดงามกว่านี้ ก็คงได้รับการยอมรับจากนกทั้งปวง”

วันหนึ่ง ขณะที่ฝูงนกยูงกำลังสยายขนเล่นลม อีกาสังเกตเห็นขนนกยูงบางเส้นร่วงลงกับพื้น มันเบิกตากว้างด้วยความดีใจ “นี่เป็นโอกาสของข้า!”

มันรีบโฉบลงไปที่พื้น และค่อย ๆ เก็บขนนกยูงที่ร่วงหล่นมาเสียบแซมลงบนปีกและหางของตัวเอง มันเลือกขนที่ยาวที่สุด สีสันสดใสที่สุด แล้วค่อย ๆ จัดให้ดูสง่างามที่สุด

เมื่อมองดูตัวเองในแอ่งน้ำ มันแทบจำตัวเองไม่ได้ “ยอดเยี่ยม! ข้าดูเหมือนนกยูงตัวจริง ไม่มีใครจับได้แน่!”

ด้วยความมั่นใจ อีกากางปีกและมุ่งหน้าไปหาฝูงนกยูง มันตั้งใจจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกนกยูง

อีกาเดินเข้าหาฝูงนกยูง มันก้าวอย่างสง่างามที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามทำท่าให้ดูเหมือนพวกเขา มันเดินพลางพ่นลมออกจากจมูกอย่างภาคภูมิใจ

“สวัสดี พี่น้องของข้า!” มันเอ่ยทักทาย ฝูงนกยูงหันมามองมันด้วยความแปลกใจ

“เจ้าคือใคร?” นกยูงตัวหนึ่งถาม “ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”

“โอ้ ข้าเป็นหนึ่งในพวกเจ้า!” อีกาตอบพร้อมยืดอกโชว์ขนนกยูงที่แซมอยู่ “ข้ามีขนงดงามเช่นพวกเจ้า และข้าก็เป็นนกยูงเช่นกัน!”

นกยูงบางตัวมองมันด้วยสายตาครุ่นคิด บางตัวเกือบหลงเชื่อ แต่ไม่นานนัก นกยูงตัวหนึ่งก็ขยับเข้ามาใกล้ จ้องมองอีกาอย่างละเอียด แล้วจู่ ๆ มันก็หัวเราะออกมา

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา 2

“นี่มันตัวอะไรกัน? เจ้าดูไม่เหมือนพวกเราเลย! ขนของเจ้าปลอมชัด ๆ!”

ฝูงนกยูงเริ่มหัวเราะตาม พวกมันพากันขยับเข้ามาล้อมอีกาและจ้องมันจากทุกมุม

“ดูสิ! ตัวของมันยังเป็นอีกาอยู่เลย!” นกยูงอีกตัวพูดขึ้น

“แค่เสียบขนยูงลงไป ไม่ได้ทำให้เจ้ากลายเป็นนกยูงหรอก!”

อีกาเริ่มลนลาน “ไม่! ข้าเป็นพวกเจ้า ข้าเป็นนกยูงจริง ๆ! พวกเจ้าต้องเชื่อข้า!”

แต่ไม่ทันเสียแล้ว นกยูงเริ่มใช้จะงอยปากจิกและใช้ปีกตีอีกา ไล่ให้มันออกไปจากฝูง

“ไปให้พ้น! เจ้าจะเป็นพวกเราได้อย่างไร ในเมื่อแท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่?”

อีกาถูกไล่ต้อนจนต้องบินหนีกลับไปยังที่อยู่เดิมของมัน แต่เมื่อมันกลับมาหาฝูงอีกา พวกพ้องของมันก็มองมันด้วยสายตาเย้ยหยัน

“ดูสิ! นี่มันใครกัน? อ้อ เจ้าคืออีกาที่อยากเป็นนกยูงใช่ไหม?” อีกาตัวหนึ่งหัวเราะ

“เจ้าไปอยู่กับพวกนกยูงไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงกลับมา?”

อีกาตัวอื่นพากันหัวเราะและพูดเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าเราจะต้อนรับเจ้าหรือ? เจ้าหันหลังให้พวกเราเอง จำไม่ได้หรือ?”

อีกาพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่มันรู้ดีว่าไม่มีใครฟัง ทั้งฝูงนกยูงและฝูงอีกาต่างไม่ยอมรับมันอีกต่อไป

สุดท้าย มันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะแทนที่จะภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น มันกลับเลือกเสแสร้งเป็นสิ่งที่ตนไม่ได้เป็น

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ที่พยายามเสแสร้งเป็นสิ่งที่ตนไม่ได้เป็น ย่อมถูกปฏิเสธจากทั้งสองฝ่าย”

อีกาไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองเป็น มันพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากกลุ่มที่มันอิจฉา แต่สุดท้ายเมื่อความจริงถูกเปิดเผย มันกลับไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งนกยูงและฝูงของมันเอง

เช่นเดียวกับชีวิตจริง คนที่เสแสร้งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากผู้อื่น มักต้องเผชิญกับความจริงในที่สุด และเมื่อสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นพังทลาย พวกเขาอาจสูญเสียทั้งตัวตนและสถานะที่เคยมี

“จงภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น เพราะการเสแสร้งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เป็น ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียมากกว่าการยอมรับ”

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องอีกากับขนนกที่ยืมมา (อังกฤษ: The Jackdaw in Borrowed Feathers) เป็นนิทานจากยุคกรีกโบราณซึ่งมักถูกยกให้เป็นผลงานของอีสป (Aesop) นิทานเรื่องนี้มีหลายเวอร์ชันตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคกลาง โดยมีชื่อต่างกันและมักเกี่ยวข้องกับนกในตระกูลอีกา (Corvid family)

คติที่ได้จากนิทานแตกต่างกันไปตามบริบทที่ถูกเล่า และยังเป็นต้นกำเนิดของ สำนวนหลายประโยคที่สะท้อนถึงการเสแสร้ง หรือการใช้สิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองเพื่ออวดอ้าง

แม้ว่ารายละเอียดของนิทานจะมีความหลากหลายอยู่เสมอ แต่ในยุคปัจจุบันมีสองเวอร์ชันหลักที่ถูกถ่ายทอดสู่วัฒนธรรมยุโรป หนึ่งในนั้นพบมากในแหล่งข้อมูลกรีก โดยเวอชั่นแรกถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 101 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)

เนื้อเรื่องกล่าวถึงอีกาที่นำขนของนกตัวอื่นมาติดตามตัวเพื่อแข่งขันด้านความงามกับพวกมัน แต่สุดท้าย เจ้าของขนต่างจำขนของตนได้และดึงคืนไปหมด ในบางเวอร์ชันแม้แต่ขนของมันเองก็ถูกถอนออกไปด้วย

“การอวดอ้างหรือเครื่องประดับในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน อาจนำไปสู่ความอับอาย”

เวอร์ชันที่สองมาจาคอลเลกชันภาษาละตินของฟีดรัส (Phaedrus) ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 472

ในเวอชันสองนี้อีกาพบขนหางนกยูงและนำมาติดรวมกับขนของตนเอง จากนั้นมันก็หลงตัวเอง มองดูพวกเดียวกันอย่างดูถูก และเข้าร่วมฝูงนกยูง แต่เมื่อนกยูงรู้ตัวว่ามันเป็นผู้บุกรุก พวกมันพากันจิกตีถอนขนที่ยืมมาออกจนหมดและไล่ออกฝูง จนแม้แต่พวกของมันเองก็ไม่ยอมรับกลับเข้าฝูง

“อย่าทะเยอทะยานเกินฐานะของตน”

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com