นิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ

ปกนิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ

ในโลกนี้ มีสิ่งที่แข็งแกร่งและสิ่งที่เปราะบางอยู่ร่วมกันเสมอ บางสิ่งอาจดูมั่นคงและทนทาน ขณะที่บางสิ่งอาจแตกหักได้ง่ายเพียงถูกกระทบเบาๆ แม้ว่าสองสิ่งนี้จะสามารถอยู่ร่วมกันได้ในบางสถานการณ์ แต่เมื่อเผชิญกับแรงกดดันหรือเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่เปราะบางย่อมเป็นฝ่ายเสียหายก่อนเสมอ

เช่นเดียวกับหม้อสองใบที่ถูกพัดไปตามกระแสน้ำ หนึ่งแข็งแกร่ง หนึ่งเปราะบาง แม้พวกมันจะล่องลอยไปด้วยกัน แต่หม้อใบหนึ่งกลับต้องตัดสินใจว่าควรอยู่ใกล้หรือรักษาระยะห่างเพื่อความอยู่รอด กับนิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ริมฝั่งแม่น้ำสายหนึ่ง ต้นไม้เขียวขจีขึ้นเรียงรายตามแนวตลิ่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฝั่งแม่น้ำค่อยๆ ถูกกัดเซาะโดยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว บนผืนดินแห่งนั้นหม้อสองใบ ถูกทิ้งไว้ใกล้กันโดยเจ้าของของมัน

หม้อใบหนึ่งทำจากทองสัมฤทธิ์ แข็งแกร่งและหนักแน่น มันถูกหล่อขึ้นมาอย่างประณีต เปล่งประกายเงางามท่ามกลางแสงแดด อีกใบหนึ่งเป็นหม้อดินเผา มีผิวสัมผัสขรุขระและเปราะบาง มันถูกปั้นขึ้นจากดินเหนียวที่แห้งกรอบ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถแตกออกได้ง่ายเพียงแค่ถูกกระแทกเบาๆ

คืนหนึ่ง ฝนตกหนัก พายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง สายน้ำในแม่น้ำเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาท่วมตลิ่ง เมื่อดินไม่อาจต้านทานแรงกัดเซาะของสายน้ำได้ พื้นดินก็พังถล่มลงมา!

หม้อสองใบถูกพัดลงไปในแม่น้ำ พวกมันหมุนคว้าง ลอยไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำ หม้อทองสัมฤทธิ์และหม้อดินเผาถูกพัดพาไปเคียงข้างกัน

“ข้าจะต้องแตกแน่!” หม้อดินเผาคิดอย่างหวาดกลัว ขณะที่กระแสน้ำพัดพามันไปอย่างไร้ทิศทาง

ขณะที่ทั้งสองล่องลอยไปตามสายน้ำ หม้อทองสัมฤทธิ์กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“อย่ากังวลไปเลย สหาย ข้าแข็งแกร่งพอจะทนทานต่อกระแสน้ำนี้ และข้าจะคอยดูแลเจ้าเอง ข้าจะรักษาระยะห่างจากเจ้า เพื่อไม่ให้ข้ากระแทกเจ้าและทำให้เจ้าต้องแตกหัก”

หม้อดินเผาได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างระมัดระวัง

“ข้าซาบซึ้งในความเมตตาของเจ้า แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังอดหวาดกลัวไม่ได้”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ 2

“เหตุใดเจ้าจึงต้องกลัว? ข้าเพียงต้องการช่วยเหลือเจ้า!” หม้อทองสัมฤทธิ์กล่าวด้วยความจริงใจ

“ข้ารู้ว่าเจ้าหมายดี แต่ลองคิดดูเถิด” หม้อดินเผากล่าวพร้อมกับพยายามทรงตัวท่ามกลางสายน้ำ “ไม่ว่าเจ้าเองจะรักษาระยะห่างจากข้ามากแค่ไหน แต่เจ้าก็ยังอยู่ใกล้ข้า และกระแสน้ำนี้รุนแรงเกินกว่าที่เราจะควบคุมได้”

หม้อทองสัมฤทธิ์เงียบลงเล็กน้อย มันเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่หม้อดินเผาพยายามจะสื่อ

“ข้ากลัวว่าถ้าคลื่นพัดข้ามาข้างเจ้า หรือหากเจ้าถูกซัดมาใกล้ข้า ข้าก็จะถูกกระแทกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ดี” หม้อดินเผากล่าวต่อด้วยเสียงแผ่วเบา

“แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้าเลยนะ!” หม้อทองสัมฤทธิ์กล่าว “ข้าแค่ต้องการให้เจ้ารู้ว่า ข้าไม่ได้เป็นศัตรูของเจ้า ข้าหวังดีกับเจ้าเสมอ”

หม้อดินเผายิ้มบางๆ แต่ในดวงตาของมันยังคงมีแววแห่งความหวาดหวั่น

“ข้ารู้… แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าเพียงคนเดียว” หม้อเดินเผากล่าว “แม้ว่าคำพูดของเจ้าจะฟังดูปลอบโยน แต่ข้าก็ไม่อาจขจัดความหวาดกลัวนี้ไปจากใจได้ ไม่ว่าคลื่นจะพัดข้ามาข้างเจ้า หรือเจ้าจะพุ่งเข้ามาหาข้า ในท้ายที่สุด ข้าก็จะเป็นฝ่ายแตกสลายเพียงลำพังอยู่ดี”

มันกล่าวต่อว่า “บางครั้ง สิ่งที่แข็งแกร่งและสิ่งที่เปราะบางไม่ควรอยู่ใกล้กัน เพราะสุดท้ายแล้ว หากมีสิ่งใดผิดพลาด ผู้ที่แตกหักย่อมเป็นข้า ไม่ใช่เจ้า”

หม้อทองสัมฤทธิ์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ขณะที่สายน้ำยังคงพัดพาทั้งสองไปข้างหน้า

หลังจากล่องลอยไปตามกระแสน้ำ หม้อทองสัมฤทธิ์และหม้อดินเผาก็แยกจากกันตามเส้นทางของกระแสน้ำ หม้อทองสัมฤทธิ์ลอยต่อไปโดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ส่วนหม้อดินเผาที่พยายามหลบหลีกและรักษาระยะห่างจากหม้อทองสัมฤทธิ์ ถูกพัดไปเกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งที่เงียบสงบ มันรอดจากการแตกหัก เพราะมันเลือกที่จะรักษาระยะห่างจากสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง

แม้ว่าหม้อทองสัมฤทธิ์จะไม่เคยคิดทำร้ายหม้อดินเผาเลย แต่ในสถานการณ์ที่ไร้การควบคุม ความแตกต่างของพวกมันทำให้การอยู่ใกล้กันกลายเป็นอันตราย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ที่อ่อนแอควรรู้จักรักษาระยะห่างจากผู้ที่แข็งแกร่งเกินไป เพราะหากมีการปะทะกัน ผู้ที่เปราะบางย่อมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสมอ”

แม้ว่าหม้อทองสัมฤทธิ์จะไม่มีเจตนาทำร้ายหม้อดินเผา แต่เพียงแค่การอยู่ใกล้กันในสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ก็อาจทำให้หม้อดินเผาแตกสลาย เช่นเดียวกับชีวิตจริง บางครั้งความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งและความเปราะบาง อาจทำให้การอยู่ใกล้กันเป็นอันตรายต่อฝ่ายที่อ่อนแอกว่า

“ไม่ใช่ทุกความหวังดีจะช่วยปกป้องได้ และบางครั้ง การรักษาระยะห่างจากสิ่งที่อาจทำร้ายเรา แม้ไม่ได้ตั้งใจ อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องหม้อสองใบ (อังกฤษ: The Two Pots) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 378 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้อาจมีต้นกำเนิดมาจากสุภาษิตโบราณ ที่สะท้อนถึงความเปราะบางของผู้ด้อยอำนาจเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

มีนิทานฉบับกรีกที่สั้นกว่าและฉบับภาษาละตินที่ยาวขึ้น ซึ่งเป็นบทกวีของอาเวียนุส (Avianus) เนื้อเรื่องกล่าวถึงหม้อสองใบ ใบหนึ่งทำจากดินเผา และอีกใบทำจากโลหะ ถูกกระแสน้ำพัดพาไปตามแม่น้ำ

หม้อโลหะเต็มใจเดินทางร่วมกัน แต่ หม้อดินหวาดกลัวและขอให้หม้อโลหะรักษาระยะห่าง เพราะมันตระหนักว่า “ไม่ว่าคลื่นจะซัดให้ข้าไปกระแทกเจ้าหรือเจ้าไปกระแทกข้า ในท้ายที่สุด ข้าย่อมเป็นฝ่ายแตกสลาย”

“ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันย่อมดีที่สุด” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ยากไร้หรือผู้ที่ไร้อำนาจไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอำนาจมากเกินไป”

อาเวียนุสสอนคตินี้เพื่อเตือนว่าความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกันมักทำให้ฝ่ายที่อ่อนแอได้รับความเสียหาย แม้ไม่มีเจตนาทำร้ายก็ตาม ผู้ที่มีอำนาจมากกว่าสามารถอยู่รอดได้เสมอ ขณะที่ผู้ไร้อำนาจเสี่ยงต่อการถูกบดขยี้ ดังนั้น ผู้ที่อ่อนแอควรหลีกเลี่ยงการพึ่งพาหรือข้องเกี่ยวกับผู้ที่แข็งแกร่งเกินไป เพื่อป้องกันตนเองจากอันตรายและความสูญเสีย

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com