นิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน

ปกนิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน

ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง มีลาตัวหนึ่งที่เคยรับใช้เจ้านายอย่างซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง แต่เมื่อเจ้านายเก่ามีความโหดร้ายและใช้มันทำงานหนักเกินไป ลาจึงเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวและคิดหาวิธีหนีไปหาชีวิตที่ดีกว่า เมื่อได้พบเจอกับเจ้านายใหม่ ลากลับพบว่า ชีวิตใหม่อาจไม่ดีอย่างที่คิด

นิทานเรื่องนี้สอนให้เราเห็นถึงการรู้จักพอใจในสิ่งที่มี และคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ในนิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีคนขายสมุนไพรที่มีลาเป็นสัตว์พาหนะตัวเดียว ลาตัวนี้ต้องทำงานหนักเป็นประจำทุกวัน มันถูกใช้ให้แบกสมุนไพรและสินค้าไปขายตามตลาดและหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ลาตัวนี้ไม่ได้รับอาหารเพียงพอเลย แถมยังถูกเจ้านายตีเมื่อทำงานช้าอีกด้วย

วันหนึ่งหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ลารู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินทน มันแหงนหน้ามองท้องฟ้าและอธิษฐานกับเทพจูปิเตอร์ (Jupiter) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและการเปลี่ยนแปลง “ข้าขอวิงวอนท่านจูปิเตอร์ ได้โปรดเปลี่ยนเจ้านายของข้าด้วยเถิด ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนี้อีกต่อไป” ลาร้องขอด้วยเสียงอ่อนแรง

จูปิเตอร์ได้ยินคำขอของลา เขารู้สึกสงสารแต่ก็เตือนลาว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าการเปลี่ยนนายจะทำให้ชีวิตของเจ้าดีขึ้น?” แต่ลายังคงยืนยันอย่างหนักแน่น จูปิเตอร์จึงยอมรับคำขอและบอกกับลา “ในเมื่อเจ้ายืนยัน ข้าจะให้เจ้านายใหม่กับเจ้า”

จูปิเตอร์ส่งเทพเฮอร์มีส (Hermes) เทพแห่งการสื่อสารส่งสารไปแจ้งให้คนขายสมุนไพรขายลาให้กับคนทำกระเบื้อง คนทำกระเบื้องรับลามาและมอบหมายให้มันขนดินเหนียวและกระเบื้อง ซึ่งหนักและสกปรกยิ่งกว่าของที่มันเคยแบกกับนายเก่า ความเหนื่อยล้าและการถูกใช้งานหนักกว่าเดิมทำให้ลารู้สึกเสียใจ “ข้าไม่คิดว่าการเปลี่ยนเจ้านายจะทำให้ข้าเหนื่อยหนักเช่นนี้” มันคิดในใจ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน 2

หลังจากนั้นไม่นาน ลาทนไม่ไหวอีกครั้ง มันจึงตัดสินใจอธิษฐานต่อจูปิเตอร์อีกครั้ง “ท่านจูปิเตอร์ โปรดให้ข้าเปลี่ยนเจ้านายอีกครั้งเถิด ข้าทำงานหนักเหลือเกิน”

จูปิเตอร์ถอนหายใจและเตือนลาอีกครั้ง “เจ้าไม่คิดหรือว่าทุกครั้งที่เจ้าขอ เจ้ากำลังทำให้ชะตาของเจ้ายิ่งเลวร้ายลง?” แต่ลายืนยันว่ามันต้องการการเปลี่ยนแปลง จูปิเตอร์จึงยอมทำตามคำขอครั้งสุดท้ายและส่งลาตัวนี้ไปให้กับช่างฟอกหนัง

เมื่อมาถึงบ้านของช่างฟอกหนัง ลาพบว่าเจ้านายคนนี้โหดร้ายยิ่งกว่าเจ้านายคนอื่น ๆ มันถูกบังคับให้ทำงานหนักกว่าเดิม และที่สำคัญ ช่างฟอกหนังยังมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการนำหนังสัตว์มาตากแดดและฟอกหนัง

เมื่อเวลาผ่านไป ลาได้รู้ว่าชะตากรรมของมันจะไม่สิ้นสุดแม้กระทั่งหลังความตาย “ข้าเคยคิดว่าเจ้านายคนแรกทำให้ข้าเหนื่อยล้าและหิวโหย แต่เจ้านายคนนี้ไม่เพียงแต่จะใช้งานข้าขณะที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ตอนที่ข้าตายไป หนังของข้าก็จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้วย!” ลาพูดกับตัวเองอย่างท้อแท้

ในที่สุด ลารู้สึกเสียใจที่มันไม่พอใจกับนายคนเก่าและขอเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง “ข้าควรพอใจกับสิ่งที่ข้ามี ข้าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตกลับเลวร้ายลงกว่าเดิม” ลาบ่นกับตัวเองขณะที่มันถูกใช้งานหนักกว่าเดิม

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้เราเห็นว่าบางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าจะแย่ อาจไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุดหากเราไม่รู้จักพอใจและขอบคุณในสิ่งที่เรามี การที่เราเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตโดยไม่คิดให้รอบคอบอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ยิ่งเลวร้ายขึ้น ดังนั้น การรู้จักยอมรับและพอใจกับสิ่งที่เรามีในปัจจุบันอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิต

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องลากับเจ้านายของมัน (อังกฤษ: The Ass and his Masters) เป็นหนึ่งในนิทานของอีสป ซึ่งได้รับการเล่าขานมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ นิทานเรื่องนี้ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 179 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานนี้สะท้อนถึงแนวคิดเกี่ยวกับความไม่รู้จักพอและการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายลง เนื้อเรื่องของนิทานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเตือนให้ผู้อ่านเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนมีและพิจารณาให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง

ในเรื่องนี้ ลาซึ่งไม่พอใจกับการทำงานหนักและการถูกใช้งานมากเกินไป ได้อ้อนวอนต่อจูปิเตอร์เพื่อขอให้เปลี่ยนนาย แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นกลับทำให้มันพบกับเจ้านายที่ใช้งานหนักยิ่งกว่าเดิม จนท้ายที่สุดมันได้เรียนรู้ว่าความไม่พอใจในสถานการณ์ปัจจุบันและความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร้เหตุผลอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แย่ลงกว่าเดิม

ทาสจะโหยหานายเก่ามากที่สุด ก็ต่อเมื่อได้สัมผัสประสบการณ์กับนายคนใหม่

นิทานเรื่องนี้ปรากฏในแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ เช่น “Aesop’s Fables” และได้รับการแปลและดัดแปลงในหลากหลายเวอร์ชันโดยนักเขียนเช่น Roger L’Estrange และ William Caxton ในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16 ถึง 18 นอกจากนี้ ยังมีการนำไปตีความและเล่าใหม่ในวรรณกรรมยุโรปอีกหลายเวอร์ชันที่เน้นถึงข้อคิดทางศีลธรรมและการใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com