ในโลกที่ความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ การกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ย่อมนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง เรื่องราวของหญิงชราผู้ซื่อสัตย์ที่ต้องการรักษาดวงตา และหมอผู้แฝงความโลภไว้ในใจ
จะสะท้อนให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และผลลัพธ์ของการทุจริต ติดตามเรื่องราวนี้ใน กับนิทานอีสปเรื่องหญิงชรากับหมอ
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องหญิงชรากับหมอ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีหญิงชราคนหนึ่งที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับสายตา เธอเคยมีชีวิตที่สุขสบายและชอบจัดบ้านให้สวยงามเต็มไปด้วยของมีค่าที่เธอสะสมมานาน แต่ในช่วงหลังสายตาของเธอเริ่มแย่ลง เธอมองเห็นไม่ชัดเจนจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ ความทุกข์ใจนี้ทำให้เธอตัดสินใจหาคนมาช่วยรักษา
วันหนึ่ง หญิงชราได้จ้างหมอที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในหมู่บ้าน หมอคนนี้มีชื่อเสียงด้านการรักษาดวงตา เธอตกลงกับเขาว่า “หมอ ข้าจะให้เจ้ารักษาสายตาของข้า แต่ข้าขอจ่ายค่ารักษาเฉพาะเมื่อข้าหายดีและสามารถมองเห็นชัดเจนเหมือนเดิมเท่านั้น”
หมอฟังแล้วพยักหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ข้าตกลง นั่นเป็นเงื่อนไขที่ยุติธรรม เมื่อเจ้ามองเห็นชัดแล้ว ข้าจะแจ้งเจ้าเพื่อจ่ายค่ารักษา”
จากนั้น หมอเริ่มเข้ามาเยี่ยมบ้านหญิงชราเพื่อทำการรักษา เขาใช้ยาหยอดตาและวิธีการรักษาต่าง ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกระบวนการที่ถูกต้อง แต่ระหว่างการรักษา เขาสังเกตเห็นว่าในบ้านของหญิงชรามีของมีค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นแจกันล้ำค่า เครื่องเงิน และภาพวาดโบราณที่มีราคาสูง
ความโลภเริ่มเกิดขึ้นในใจของหมอ เขาคิดว่า “หญิงชราผู้นี้มองเห็นไม่ชัด หากข้าเอาของเหล่านี้ไป เธอคงไม่รู้แน่นอน”
ในทุกครั้งที่หมอเข้ามาเยี่ยมและรักษา เขาจะขโมยของมีค่าจากบ้านไปทีละชิ้น แจกันโบราณ หีบเล็ก ๆ และเครื่องเงินเริ่มหายไปจากบ้านทีละน้อย แต่หญิงชราที่มองเห็นไม่ชัดก็ไม่ได้สงสัยอะไรในตอนนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป หมอคิดว่าของในบ้านเริ่มน้อยลงจนพอใจแล้ว เขาจึงบอกหญิงชราว่า “หญิงชรา ข้ารักษาเจ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าควรมองเห็นชัดเหมือนเดิม และถึงเวลาที่เจ้าต้องจ่ายค่ารักษาให้ข้า”
หญิงชรามองไปที่บ้านของตนและถอนหายใจ ก่อนจะตอบหมอว่า “ข้ามองไม่เห็นชัดเหมือนเดิมหรอกหมอ ข้าจะรู้ได้ว่าข้าหายดีเมื่อข้ามองเห็นของมีค่าที่ข้าเคยมีอยู่ในบ้าน แต่ตอนนี้ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย ทุกอย่างที่เคยอยู่หายไปหมด”
หมอตกใจและโกรธ “นี่เจ้าจะอ้างว่าเจ้ายังไม่หายเพื่อเลี่ยงการจ่ายค่ารักษาหรือ?” เขาถามอย่างไม่พอใจ
หญิงชราโต้กลับอย่างสงบ “ข้ากำลังพูดความจริง ข้าจำได้ว่าเคยมีแจกันสวย ๆ และเครื่องเงินมากมายในบ้าน แต่ตอนนี้มันหายไป เจ้าอาจบอกว่าข้าหายดี แต่สายตาของข้ายังไม่กลับมาพอที่จะมองเห็นของเหล่านั้น”
คำพูดของหญิงชราทำให้ชาวบ้านที่ได้ยินเรื่องนี้เริ่มสงสัย เมื่อมีการตรวจสอบ ชาวบ้านพบว่าของที่หายไปอยู่ในบ้านของหมอทั้งหมด หมอถูกจับได้ว่าเป็นคนขโมย และถูกลงโทษตามกฎของหมู่บ้าน นอกจากนี้ เขายังสูญเสียชื่อเสียงในฐานะหมอที่เคยมีความน่าเชื่อถือ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความโลภและการไม่ซื่อสัตย์อาจนำไปสู่ความล้มเหลวและความอับอายในที่สุด แม้การกระทำที่ไม่ถูกต้องอาจถูกปิดบังไว้ชั่วคราว แต่ความจริงย่อมปรากฏออกมาเสมอ การกระทำที่ไม่ซื่อตรงไม่เพียงทำให้เสียสิ่งที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง แต่ยังทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่ยากจะกู้คืนกลับมาได้
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องหญิงชรากับหมอ (อังกฤษ: The Old Woman and the Doctor) เป็นเรื่องเล่าจากกรีกโบราณที่ถูกรวมไว้ในนิทานอีสป และปรากฏในหนังสือรวมเรื่องตลกยุคศตวรรษที่ 4 ซีอีชื่อ Philogelos นิทานเรื่องนี้ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 57 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)
นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทเรื่องตลก ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในชุดนิทานอีสปด้วยแรงดึงดูดจากชื่อเสียงของอีสปเอง เนื่องจากนิทานนี้ได้รับการเก็บรักษาไว้ในแหล่งข้อมูลภาษากรีกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่ได้รับความสนใจในยุโรปส่วนที่เหลือจนกระทั่งยุคเรเนซองส์
ในเรื่องหญิงชราขอให้ศัลยแพทย์(ในนิทานนี้) รักษาเธอจากอาการใกล้จะตาบอด โดยตกลงว่าจะจ่ายค่ารักษาก็ต่อเมื่อหายดี ศัลยแพทย์ทายารักษาเธอแต่ในระหว่างนั้นก็ลักขโมยสิ่งของที่ขยับเคลื่อนย้ายได้ในบ้านของเธอทุกครั้งที่มาเยี่ยม เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น หญิงชราปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษา โดยอ้างว่าสายตาของเธอแย่ลงกว่าเดิม เพราะตอนนี้เธอมองไม่เห็นสิ่งของใด ๆ ในบ้านเลย
คนชั่วมักเผยพฤติกรรมของตนออกมาโดยไม่รู้ตัว และพฤติกรรมเหล่านั้นสามารถกลายเป็นหลักฐานมัดตัวในภายหลัง