นิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

ปกนิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

ในโลกธรรมชาติ ความแข็งแกร่งมักถูกมองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการยืนหยัดต่อความเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย แต่บางครั้ง ความอ่อนโยนและความยืดหยุ่นกลับกลายเป็นคุณสมบัติที่ทรงพลังมากกว่า

เช่นเดียวกับเรื่องราวของต้นโอ๊กผู้แข็งแกร่งและต้นอ้อผู้โอนอ่อน ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับพายุรุนแรงและพิสูจน์ว่าอะไรคือพลังที่แท้จริง กับนิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าริมแม่น้ำอันสงบเงียบ มีต้นโอ๊กขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่เปิดโล่ง ลำต้นของมันหนาและแข็งแรงจนเหมือนว่ามันสามารถยืนหยัดท้าทายพายุได้ตลอดไป ใกล้ ๆ กันนั้น มีกลุ่มต้นอ้อเล็ก ๆ เติบโตอยู่ตามริมตลิ่ง ต้นอ้อเหล่านั้นดูอ่อนแอ เปราะบาง และมักโอนเอนไปตามแรงลม

วันหนึ่ง สายลมพัดเบา ๆ ผ่านป่า ต้นโอ๊กมองเห็นต้นอ้อที่ไหวเอนตามลมอย่างง่ายดาย มันหัวเราะเสียงดัง
“ต้นอ้อเอ๋ย เจ้าช่างอ่อนแอเสียจริง ดูข้าสิ แม้ลมพัดแรงแค่ไหน ข้าก็ไม่เคยขยับ เจ้าคงอิจฉาความแข็งแกร่งของข้าสินะ!”

ต้นอ้อที่ได้ยินคำพูดนั้นไม่ได้โกรธ มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ
“ข้าไม่ได้อิจฉาท่านต้นโอ๊ก ข้าเพียงแค่เลือกที่จะอยู่ร่วมกับสายลม ข้าโอนเอนไปตามลมเพราะข้าไม่คิดจะต่อต้าน ข้ารู้ว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะลมได้โดยตรง”

ต้นโอ๊กหัวเราะเสียงดัง “เจ้านี่ช่างพูดตลก ลมพัดมาอย่างไร้ค่าเท่านั้น ข้าเกิดมาเพื่อยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง ความอ่อนแอเช่นเจ้าไม่มีวันเทียบข้าได้เลย”

ต้นอ้อเพียงยิ้มเล็กน้อย “บางครั้ง ความยืดหยุ่นอาจมีคุณค่ามากกว่าความแข็งแกร่งที่ดื้อรั้น”

ต้นโอ๊กส่ายกิ่งก้านไปมาอย่างมั่นใจ “ข้าคือผู้ปกครองของป่านี้ ข้าจะยืนหยัดอย่างสง่างามต่อหน้าลมและพายุ ไม่มีอะไรสามารถโค่นข้าได้”

หลายวันผ่านไป ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดครึ้ม และพายุใหญ่ก็เริ่มก่อตัว สายลมแรกพัดมาเบา ๆ แต่ตามมาด้วยลมกระโชกแรงที่พัดต้นไม้ทุกต้นให้ไหวเอน

ต้นโอ๊กยืนหยัดต่อสู้กับแรงลมอย่างมั่นใจ “ดูสิ ต้นอ้อ ข้าจะไม่ไหวเอนแม้แต่นิดเดียว!” มันร้องเสียงดัง

ลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใบไม้ปลิวกระจัดกระจาย ต้นโอ๊กเริ่มรู้สึกถึงแรงลมที่พัดกิ่งก้านจนเกิดเสียงดังสนั่น แต่มันยังคงดื้อดึง ยืนต้านแรงลมอย่างไม่ลดละ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ 2

ในขณะเดียวกัน ต้นอ้อโอนเอนไปมาตามแรงลม พวกมันไม่ต่อต้านและยอมปล่อยให้ลมพัดผ่านอย่างนุ่มนวล

“ดูพวกเจ้าสิ โอนเอนไปมาเหมือนหญ้าไร้ค่า!” ต้นโอ๊กยังคงตะโกน แม้ว่าเสียงลมจะดังจนกลบเสียงของมัน

ไม่นานนัก พายุเริ่มรุนแรงขึ้น ลมกระโชกแรงพัดกิ่งของต้นโอ๊กจนหักทีละกิ่ง ลำต้นที่เคยมั่นคงเริ่มสั่นไหว และในที่สุด รากของมันก็ถูกถอนออกจากพื้นดิน มันล้มลงกับพื้นดินด้วยเสียงดังสนั่น

เมื่อพายุสงบลง ต้นอ้อที่ยังคงอยู่ริมตลิ่งกลับมายืนตรงอย่างสง่างามอีกครั้ง พวกมันมองไปที่ต้นโอ๊กที่ล้มลงกับพื้น ต้นโอ๊กที่เคยโอ้อวดในความแข็งแกร่งของตัวเอง บัดนี้กลายเป็นต้นไม้ที่ไร้ชีวิต

ต้นอ้อพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล “ท่านต้นโอ๊ก ข้าพยายามบอกท่านแล้วว่าความยืดหยุ่นนั้นสำคัญกว่าความแข็งแกร่ง แต่ท่านไม่เคยฟัง ท่านดื้อดึงที่จะยืนหยัดต้านทานพายุ ทั้งที่บางครั้ง การโอนเอนตามลมอาจช่วยให้เรารอดพ้นจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะสู้ได้”

ต้นโอ๊กไม่ได้ตอบกลับ เพราะมันไม่มีโอกาสได้เรียนรู้บทเรียนนี้อีกต่อไป

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความแข็งแกร่งที่ดื้อรั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรารอดพ้นจากความท้าทาย แต่ความยืดหยุ่นและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างหากที่จะช่วยให้เราสามารถยืนหยัดต่อไปได้ บางครั้ง การโอนอ่อนตามสถานการณ์ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นปัญญาที่ช่วยให้เรารับมือกับแรงกดดันและเอาชนะอุปสรรคได้ในระยะยาว

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องต้นโอ๊กกับต้นอ้อ (อังกฤษ: The Oak and the Reed) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 70 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้ปรากฏในหลายเวอร์ชัน บางฉบับเล่าว่าต้นโอ๊กสนทนากับต้นอ้อหลายต้น ขณะที่ในฉบับที่เขียนใหม่ภายหลัง ต้นโอ๊กโต้เถียงกับต้นหลิวแทน

นิทานเรื่องนี้มีเวอร์ชันภาษากรีกในยุคแรกและเวอร์ชันภาษาละตินจากศตวรรษที่ 5 โดย อาวิอานุส (Avianus) ซึ่งเล่าถึงพฤติกรรมที่แตกต่างกันระหว่างต้นโอ๊กและต้นอ้อ ต้นโอ๊กเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อทานทนต่อพายุ แต่กลับถูกลมพัดโค่นล้ม ขณะที่ต้นอ้อโน้มตัวไปตามลมและสามารถรอดพ้นจากพายุได้

ผู้ที่รู้จักปรับตัวตามสถานการณ์จะสามารถรอดพ้นจากอันตรายได้ และอย่าเชื่อมั่นในพละกำลังเพียงอย่างเดียว

แหล่งข้อมูลในยุคแรกมองนิทานนี้ว่าเป็น อุปมาเกี่ยวกับความหยิ่งทะนงและความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเอาตัวรอดในยามที่เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือวิกฤต ซึ่งต่อมาได้ก่อให้เกิดสุภาษิตต่างๆ เช่น “ดีกว่าโค้งงอไปตามลมดีกว่าหักโค่น” และ “ต้นอ้อก่อนลมยังคงอยู่ได้ ขณะที่ต้นโอ๊กผู้ยิ่งใหญ่กลับล้มลง” ซึ่งการอ้างถึงที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏในผลงานของ เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ (Geoffrey Chaucer) ใน Troilus and Criseyde (II.1387–1389)

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com