ในวันหนึ่งที่ท้องฟ้ากระจ่างใส ลมเหนือและดวงอาทิตย์ต่างถกเถียงกันว่าใครมีพลังที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจที่สุด ทั้งสองฝ่ายมั่นใจในความสามารถของตนและไม่มีใครยอมแพ้ ลมเหนือโอ้อวดถึงความรุนแรงของตนที่สามารถพัดต้นไม้ล้มและก่อให้เกิดพายุได้ ส่วนดวงอาทิตย์ยืนยันว่า ความอบอุ่นและแสงสว่างของตนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นกัน
เมื่อการถกเถียงยืดเยื้อ พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะทดสอบพลังของตน โดยใช้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนถนนเป็นเป้าหมาย ใครสามารถทำให้ชายคนนั้นถอดเสื้อคลุมออกได้ก่อน จะเป็นผู้ชนะ การแข่งขันที่ดูเรียบง่ายนี้จะกลายเป็นบทพิสูจน์ที่ไม่มีใครคาดถึง กับนิทานอีสปเรื่องลมเหนือกับดวงอาทิตย์
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องลมเหนือกับดวงอาทิตย์
กาลครั้งนึ่งนานมาแล้ว ในวันหนึ่งบนฟากฟ้า ลมเหนือที่แสนเย็นยะเยือกและดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอ่อนโยน ได้ถกเถียงกันถึงความทรงพลังของตนเอง ลมเหนือกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ข้าแน่ใจว่าข้าทรงพลังที่สุด! ข้าสามารถพัดต้นไม้โค่นได้ ข้าสร้างพายุที่ทำลายทุกสิ่งได้ ไม่มีใครเทียบพลังของข้าได้หรอก!”
ดวงอาทิตย์ที่สงบกว่า ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “พลังของเจ้าอาจแข็งแกร่ง แต่พลังนั้นอาจไม่ได้ผลในทุกสถานการณ์ ข้าเชื่อว่าความอบอุ่นและอ่อนโยนของข้าก็มีพลังเช่นกัน”
ลมเหนือหัวเราะเสียงดัง “อบอุ่นและอ่อนโยนงั้นหรือ? เจ้าอยากลองพิสูจน์ดูไหมว่าพลังของเจ้าจะทำอะไรได้เทียบกับข้า!”
ดวงอาทิตย์พยักหน้า “ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็น ลองทดสอบกันดูเถิด”
พวกเขามองลงไปยังพื้นดิน และเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนในชนบท ชายผู้นั้นสวมเสื้อคลุมหนาเพื่อกันลมหนาว ทั้งลมเหนือและดวงอาทิตย์ตกลงกันว่า ใครสามารถทำให้ชายคนนี้ถอดเสื้อคลุมได้ก่อน จะเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุด
ลมเหนือเริ่มก่อน มันสูดลมหายใจลึกก่อนจะเป่าลมแรงใส่ชายคนนั้น ลมเย็นยะเยือกพัดปะทะใบหน้าและร่างกายของชายผู้นั้น เขายกมือขึ้นปิดหน้าพลางร้อง “หนาวอะไรอย่างนี้!”
ชายคนนั้นรีบดึงเสื้อคลุมเข้าหาตัวแน่นขึ้น พยายามปกป้องตัวเองจากลมที่พัดแรง ลมเหนือเห็นดังนั้นจึงเพิ่มพลังอีกครั้ง มันพัดลมแรงจนฝุ่นทรายลอยฟุ้งไปทั่ว ต้นไม้เอนลู่ไปตามแรงลม
“หนาวจริง ๆ!” ชายคนนั้นพูดกับตัวเองขณะดึงเสื้อคลุมมาห่อหุ้มตัวจนมิด ลมเหนือยังคงพัดแรงต่อไป หวังให้ชายคนนั้นถอดเสื้อคลุมออก แต่ยิ่งมันพัดแรงขึ้น ชายคนนั้นก็ยิ่งจับเสื้อคลุมแน่นขึ้น และเริ่มเร่งฝีเท้าเพื่อหนีจากลมที่หนาวเหน็บ
หลังจากใช้พลังจนเหนื่อยล้า ลมเหนือหยุดและหันไปหาดวงอาทิตย์ “ทีนี้ เจ้าลองดูสิ! ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำได้ดีกว่าข้า!”
ดวงอาทิตย์ยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าจะไม่ใช้ความแข็งกร้าวเช่นเจ้า ข้าจะลองวิธีของข้าเอง”
จากนั้น ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงอย่างอ่อนโยน แสงแดดอบอุ่นปกคลุมชายคนนั้น ชายผู้นั้นรู้สึกถึงความอบอุ่นบนร่างกาย “อา… ช่างอบอุ่นเสียจริง” เขาพูดกับตัวเอง
ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เพิ่มความร้อนขึ้นอีกเล็กน้อย ชายคนนั้นเริ่มคลายมือที่จับเสื้อคลุมออก เพราะความอบอุ่นของแสงแดดทำให้เขารู้สึกสบายมากขึ้น
ไม่นานนัก ดวงอาทิตย์เพิ่มความร้อนขึ้นอีก ชายคนนั้นเริ่มรู้สึกว่าการสวมเสื้อคลุมหนาทำให้เขาร้อนเกินไป “ร้อนจังเลย ข้าควรถอดเสื้อคลุมออกเสียที” เขาพูดพร้อมกับถอดเสื้อคลุมออก และพาดไว้บนไหล่ ก่อนเดินต่อไปอย่างสบายใจ
ดวงอาทิตย์หันไปหาลมเหนือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็นหรือไม่? ความอบอุ่นและอ่อนโยนสามารถทำให้ชายผู้นั้นถอดเสื้อคลุมออกได้ ในขณะที่ความแข็งกร้าวของเจ้ากลับทำให้เขายิ่งต่อต้าน”
ลมเหนือยืนนิ่งเงียบ มันรู้ว่าตนพ่ายแพ้ต่อพลังที่อ่อนโยนของดวงอาทิตย์
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความอ่อนโยนและเมตตาสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าความแข็งกร้าวหรือการบังคับ พลังที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การใช้กำลังหรือการแสดงอำนาจ แต่คือการใช้วิธีที่นุ่มนวลและสร้างความสบายใจให้ผู้อื่น เพราะความอ่อนโยนสามารถชนะใจและทำให้คนยินยอมได้โดยธรรมชาติ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องลมเหนือกับดวงอาทิตย์ (อังกฤษ: The North Wind and the Sun) เป็นหนึ่งในนิทานอีสปที่โด่งดังมากที่สุดเรื่องหนึ่ง หรืออีกชื่อที่ได้รับความนิยมในภาษาไทยคือสายลมกับแสงแดด ได้รับการจัดอยู่ในลำดับที่ 46 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) อาร์น–ทอมป์สัน (Aarne–Thompson) นิทานเรื่องนี้สอนข้อคิดเกี่ยวกับ ความเหนือกว่าของการโน้มน้าวใจเมื่อเทียบกับการใช้กำลัง ซึ่งทำให้นิทานเรื่องนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
เรื่องเล่าถึงการแข่งขันระหว่างลมเหนือและดวงอาทิตย์ เพื่อพิสูจน์ว่าใครมีพลังมากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ชนะจะต้องทำให้คนเดินทางคนหนึ่งถอดเสื้อคลุมออก ลมเหนือพยายามพัดแรงเพียงใด คนเดินทางก็ยิ่งกระชับเสื้อคลุมแน่นขึ้นเพื่อป้องกันความหนาว แต่เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงอย่างอบอุ่น คนเดินทางก็ทนร้อนไม่ไหวและถอดเสื้อคลุมออกในที่สุด
วิธีที่ถ่อมตนและนุ่มนวลย่อมมีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริงมากกว่าการโอ้อวดที่ไร้สาระ
นอกจากนี้ นิทานยังถูกใช้เป็นข้อความตัวอย่างในงานถอดเสียงสัทศาสตร์ในหลายภาษา เนื่องจากมีโครงสร้างและเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับการศึกษาเรื่องการออกเสียง