นิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ

ปกนิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ

ในบางครั้ง การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากความรู้พื้นฐานอาจทำให้เรารู้สึกว่าตนเองฉลาดขึ้น แต่ความรู้ที่มากมายเหล่านั้นอาจไม่สามารถช่วยเราได้ในทุกสถานการณ์ การรู้จักใช้ชีวิตในแต่ละวันและมีทักษะที่จำเป็นสามารถช่วยให้เราผ่านพ้นอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด

นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของอีสปและชายพายเรือที่ได้เรียนรู้ว่า ความรู้ที่ลึกซึ้งในบางด้านอาจไร้ประโยชน์หากขาดทักษะที่เหมาะสมสำหรับการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ท้าทาย… กับนิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เช้าวันหนึ่งที่แม่น้ำสงบเงียบ อีสปได้เดินทางมายังริมฝั่งแม่น้ำพร้อมกระเป๋าสะพายเล็ก ๆ ของเขา เขามองเห็นเรือขนาดเล็กที่จอดอยู่ริมฝั่ง คนพายเรือสูงวัยแต่มีกล้ามแขนแข็งแรงจากการพายเรืออยู่เป็นประจำ เมื่อทั้งสองมองตากัน อีสปจึงเดินเข้าไปหาชายพายเรือและกล่าวทักทายอย่างสุภาพ

“ท่านคนพายเรือ ข้าต้องการข้ามแม่น้ำ เจ้าพอจะรับข้าข้ามฝั่งได้หรือไม่?” อีสปกล่าว

ชายพายเรือยิ้มและพยักหน้า “ได้สิ ข้าเป็นคนพายเรือประจำที่นี่อยู่แล้ว ขึ้นมาเลยเถอะ!”

เรือถูกพายไปอย่างช้า ๆ ด้วยเสียงของกระแสน้ำที่ไหลเบา ๆ ทั้งสองนั่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่อีสปจะเริ่มถามคำถามกับชายพายเรือ

“ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่า ดวงดาวบนท้องฟ้านั้นมีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง?” อีสปเริ่มถาม

ชายพายเรือส่ายหัว “ข้าคงไม่รู้หรอกท่าน ข้าใช้เวลาทั้งวันกับการพายเรือให้คนข้ามฝั่ง และในตอนกลางคืนข้าก็ต้องพักผ่อน”

อีสปพยักหน้าก่อนจะพูดเบา ๆ “งั้นก็คงเสียเวลาท่านไป หนึ่งในสี่ของชีวิตเพราะไม่ได้เรียนรู้เรื่องดวงดาวเลย”

ชายพายเรือฟังแล้วเริ่มนึกสงสัย “ทำไมข้าถึงต้องรู้เรื่องดวงดาวด้วยล่ะท่าน ข้าเพียงแค่พายเรือเป็นก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตแล้ว”

ทั้งสองสนทนากันต่อไป อีสปก็ถามอีกว่า “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าดินแดนและแผนที่ของเมืองต่าง ๆ มีหน้าตาอย่างไรบ้าง?”

ชายพายเรือส่ายหัวอีกครั้ง “ข้าไม่รู้หรอกท่าน ข้าอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต ข้าไม่เคยออกไปไกลจากริมฝั่งแม่น้ำเลย”

อีสปหัวเราะเบา ๆ แล้วตอบว่า “งั้นท่านก็เสียเวลาชีวิตไปอีก 1 ใน 4 ที่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องภูมิศาสตร์”

ชายพายเรือเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและคิดว่าเขาอาจจะเสียโอกาสในการเรียนรู้สิ่งสำคัญในชีวิตไป

อีสปยังคงถามต่อไป “ท่านรู้หรือไม่เกี่ยวกับวรรณกรรมหรือบทกวีใด ๆ?”

ชายพายเรือส่ายหัวอีกครั้ง “ข้าไม่รู้เลยท่าน ข้าไม่มีเวลาที่จะนั่งอ่านหนังสือ ข้าต้องทำงานทุกวัน”

อีสปยิ้มแล้วกล่าวว่า “งั้นท่านก็เสียเวลาไปอีก 1 ใน 4 ของชีวิตที่ไม่ได้สัมผัสกับความงามของวรรณกรรม”

เมื่อชายพายเรือได้ยินเช่นนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกหมดหวังในชีวิต เพราะดูเหมือนว่าเขาได้สูญเสียเวลาชีวิตไปถึงสามในสี่แล้ว

ทันใดนั้นเอง เกิดลมพัดแรงขึ้น ท้องฟ้ามืดคลึ้มและคลื่นสูงขึ้นเรื่อย ๆ เรือเล็ก ๆ ของทั้งสองเริ่มถูกพัดโคลงเคลง ชายพายเรือก้มลงมองน้ำและเริ่มพยายามพายเรืออย่างรวดเร็วเพื่อหนีคลื่น

“ท่านว่ายน้ำเป็นหรือไม่?” ชายพายเรือตะโกนถามอีสปขณะพายเรือสุดแรง

อีสปตกใจและตอบกลับ “ข้า…ข้าไม่เป็น!”

ชายพายเรือหัวเราะและกล่าวว่า “งั้นท่านคงจะเสียสิ่งที่ท่านสั่งสมมาไปทั้งหมดเสียแล้ว เพราะเรือของเรากำลังจะล่ม! ในขณะที่ท่านรู้มากมายเกี่ยวกับดวงดาว แผนที่ และวรรณกรรม แต่มันก็ไม่มีประโยชน์หากท่านไม่รู้วิธีการว่ายน้ำในขณะนี้!”

อีสปยิ้มออกมาพร้อมกับเข้าใจว่าไม่ว่าความรู้จะมากมายเพียงใด แต่ถ้าขาดทักษะที่จำเป็นต่อสถานการณ์เฉพาะหน้า ความรู้ทั้งหมดนั้นก็อาจไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ต้องเผชิญได้

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ 2

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานนี้สอนให้เราเข้าใจว่าความรู้และทักษะต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญ แต่เราควรเรียนรู้และฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวันด้วย ไม่เพียงแค่ความรู้ในตำราเท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือความสามารถในการใช้ความรู้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ หากเรารู้มากแต่ขาดทักษะพื้นฐานในการใช้ชีวิต เราอาจจะไม่สามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ที่คับขันได้

นิทานเรื่องนี้ยังสอนให้เห็นความสำคัญของการไม่ประมาทและมีความถ่อมตนในความรู้ของตนเอง ทุกความรู้นั้นมีคุณค่า แต่เราก็ไม่ควรละเลยที่จะเรียนรู้และฝึกทักษะที่จำเป็นในชีวิต เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์อะไรในอนาคต

ที่มาของนิทาน

นิทานอีสปเรื่องอีสปกับคนพายเรือ (อังกฤษ: Aesop and the Ferryman) เป็นส่วนหนึ่งของนิทานปรัมปราของอีสป ผู้เล่าเรื่องที่มีชื่อเสียงของกรีกโบราณ ซึ่งนิทานของเขามักมีเนื้อหาเพื่อสะท้อนความจริงในชีวิตและสอนบทเรียนเชิงปรัชญา ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาจากการบันทึกของอริสโตเติลและการนำเสนอในบทกวีของ Babrius นิทานนี้สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับการเตรียมตัวให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต รวมถึงความสำคัญของการปรับตัวและความถ่อมตนในความรู้ นิทานเรื่องนี้ได้ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 8 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)

นิทานเรื่องนี้สอนว่า ผู้ที่เยาะเย้ยคนที่เหนือกว่าตนย่อมก่อปัญหาให้กับตัวเอง

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com